1)หลักการ
แนวคิดองค์การแห่งการเรียนรู้ของซิงเก้(Senge) ศาสตราจารย์ดร. ปีเตอร์ชิงเก้( Prof. Dr. Peter M. Senge. 1990) ซึ่งเป็นนักวิชาการที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นบิดาแห่งองค์การแห่งการเรียนรู้ได้กล่าวถึงหลักการขององค์การแห่งการเรียนรู้ว่าประกอบไปด้วยหลักการที่สำคัญ5 หลักการดังนี้คือ1.ความรอบรู้แห่งตน(personal mastery) หรือการใฝ่รู้ใฝ่เรียน
2.แบบจำลองความคิด(mental models)3.การสร้างวิสัยทัศน์ร่วม(shared vision)4.การเรียนรู้เป็นทีม(team learning)
5.การคิดเชิงระบบ(systems thinking)
2)เครื่องมือนี้คืออะไร
อะกิริส(Argyris) ผู้ที่เริ่มแนวคิดเกี่ยวกับองค์การแห่งการเรียนรู้ได้ให้ความหมายว่าเป็นกระบวนการตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในองค์การการลดทอนในสิ่งที่เขาเรียก“defensive routines” หรือรูปแบบที่ผู้คนแสดงออกเป็นนิสัยเพื่อปกป้องหรือแก้ตัวส่วนซิงเก้(Senge)ได้ให้ความหมายว่าเป็นองค์การที่บุคลากรในองค์การนั้นมุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถของตนมีการสร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมใหม่ๆให้เกิดขึ้นและมีการขยายขอบเขตแบบแผนของการคิดสามารถสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆได้อย่างอิสระและเป็นที่สมาชิกขององค์การมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องถึงวิธีการที่จะเรียนรู้(learn how to learn )ร่วมกัน(Senge. 1990: 1)
3)เครื่องมือนี้ใช้เพื่ออะไร
องค์การแห่งการเรียนรู้เป็นนวัตกรรมทางการบริหารอีกอย่างหนึ่งที่เน้นการพัฒนาสภาวะผู้นำในองค์การควบคู่ไปกับการเรียนรู้ร่วมกันของบุคลากรซึ่งเป็นผลให้เกิดการถ่ายเทแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ประสบการณ์และทักษะระหว่างสมาชิกขององค์การเพื่อนำมาใช้ในการปฏิบัติงานให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีระดับของการพัฒนาการขององค์การเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าความเปลี่ยนแปลงใดๆในกระแสโลกาภิวัตน์ที่จะมีผลกระทบต่อองค์การนั้นๆ
4)ข้อ/ข้อเสียของเครื่องมือ
ข้อดี : -มีกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพและมีผลการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิผลโดยมีการเชื่อมโยงรูปแบบของการทำงานเป็นทีม(Team working)
-สร้างกระบวนการในการเรียนรู้และสร้างความเข้าใจเตรียมรับกับความเปลี่ยนแปลงเปิดโอกาสให้ทีมทำงาน
-มีการให้อำนาจในการตัดสินใจ (Empowerment) เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศของการคิดริเริ่ม (Initiative) และการสร้างนวัตกรรม (Innovation) ซึ่งจะทำให้เกิดองค์การที่เข้มแข็งพร้อมเผชิญกับสภาวะการแข่งขัน
ข้อเสีย: -Model ของLearning Organization ไม่ได้เจาะจงวัฒนธรรมองค์การใดองค์การหนึ่งและไม่ได้วิเคราะห์ถึงข้อจำกัด
-กระบวนการในการนำ Learning Organization ไปใช้ยังไม่ชัดเจนขาดคนที่รู้จริงขอบเขตของการนำLearning Organization กว้างมากทำให้ควบคุมได้ยาก
-ดัชนีที่ใช้วัดองค์การที่มีความเป็นLearning Organization ไม่ชัดเจนและการใช้เวลายาวนานในการมุ่งไปสู่การเป็นLearning Organization
-หากมีการเปลี่ยนผู้นำความสนใจที่จะกระตือรือร้นต่อการเปลี่ยนแปลงของพนักงานในองค์การจะหายไป
5)ใช้อย่างไร(หรือจัดทำอย่างไร)
การจัดทำในเชิงCapability Perspective ในมุมมองของDI bella&Scheinที่เป็นรูปธรรมประกอบด้วย3 ขั้นตอน คือ
ขั้นที่ 1การวินิจฉัยวัฒนธรรมองค์การและประเมินรูปแบบการหากไม่ได้รับการวิเคราะห์ คัดเลือก วางแผน และจัดการอย่างเหมาะสมการปรับเปลี่ยนไปสู่ Learning Organization ที่มีวัฒนธรรรมการเรียนรู้อย่างยั่งยืนย่อมไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
ระดับที่ 2คือ Espaused Values เป็นค่านิยมที่ทุกคนในองค์การสื่อถึงกันว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดูกต้องควรทำซึ่งโดยมากจะถูกกำหนดโดยผู้นำขององค์การตั้งแต่ยุคก่อตั้งบริษัท
ระดับที่ 3คือ Basic Underlining Assumtionเป็นความเชื่อ การรับ ความคิดและความรู้สึกที่กำหนดพฤติกรรมของคนในองค์การและเป็นระดับที่ยากที่สุดในการทำความเข้าใจและดึงออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมในการประเมินวัฒนธรรมองค์การที่จะเข้าใจวัฒนธรรมองค์การอย่างแท้จริงจะสามารถทำได้โดยการสัมภาษณ์เท่านั้น
ระดับที่ 3คือ Basic Underlining Assumtionเป็นความเชื่อ การรับ ความคิดและความรู้สึกที่กำหนดพฤติกรรมของคนในองค์การและเป็นระดับที่ยากที่สุดในการทำความเข้าใจและดึงออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมในการประเมินวัฒนธรรมองค์การที่จะเข้าใจวัฒนธรรมองค์การอย่างแท้จริงจะสามารถทำได้โดยการสัมภาษณ์เท่านั้น
6)มีใครนำเครื่องมือนี้ไปใช้บ้างและได้ผลสรุปอย่างไร
- บริษัทปูนซีเมนต์นครหลวงแยกความรู้ออกเป็นกลุ่มๆเนื่องจากแต่ละคนมีความสามารถไม่เหมือนกันเช่นในส่วนเทคนิคระดับสูงจะจัดวิศวกรที่มีความสนใจร่วมกัน 4 คนต่อทีมมาทำงานร่วมกับวิศวกรอาวุโสที่มีชั่วโมงการทำงานสูงแต่อาจจะมีโอกาสเรียนรู้วิทยาการใหม่ๆน้อยในกลุม่มีกิจกรรมสอนงานประชุมหารือแลกเปลี่ยนความรู้และวิเคราะห์ปัญหาต่างๆความรู้ที่ได้หรือแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆจะถูกรวบรวมเป็นคู่มือหรือบทความเข้าระบบศูนย์ข้อมูลเพื่อให้พนักงานทุกคนมาศึกษาได้
- การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจัดให้มี Online Learning Center ให้พนักงานเข้าถึงและค้นข้อมูลได้ง่ายและฝึกฝนให้ไม่กลัวเทคโนโลยีรับผิดชอบต่อการพัฒนาตนเองทำให้การฝึกอบรมจะลดบทบาทลงไปส่วนหนึ่ง
7)กรณีศึกษา
From learning organization to learning community: Sustainability through lifelong learning
(ที่มา : http://www.emeraldinsight.com/journals.htm?articleid=17042789&show=abstract)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น